วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

ดูเรื่องพระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก ชอบที่อำมาตย์และนายฉันนะไปทูลพระพุทธองค์ให้ไปโปรดพระญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ มีบทสนทนาที่น่าสนใจดังนี้
           อำมาตย์- "อยากออกบวชเหมือนท่าน(พระพุทธองค์) ที่ดูสงบ"
และอำมาตย์ถามนายฉันนะว่า "ฉันนะ ไม่อยากบวชบ้างหรือ" 
           ฉันนะ- "อยากสิ แต่เป็นแค่สารถี บวชได้หรือ" 
           พระพุทธองค์- "ได้สิ การบวชไม่มีการแบ่งสี หรือวรรณะ..."

อ่านแล้ว ต้องขอชื่นชมผู้แปลบท "ไม่มีการแบ่งสีหรือวรรณะ" ขอให้เรามีซีรีส์ดีๆเช่นนี้ได้ดูกันอีก ขอกุศลผลบุญจงบังเกิดแก่ ดร.บีเค โมดี้ มหาเศรษฐีชาวอินเดียที่มีศรัทธาอันแรงกล้าผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณปัญญา นิรันดร์กุล ผู้นำเข้ามาฉายทางช่องเวิร์คพอยท์ และผู้ชมซีรีส์เรื่องพระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลกทุกคน ใครยังไม่ได้ชมเปิดยูทูปชมตั้งแต่ตอนแรกได้นะคะ

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ธรรมะคือธรรมชาติมีหน้าที่ต้องทำ

                                           ธรรมะคือธรรมชาติมีหน้าที่ต้องทำ
โดย   โอ ระยอง                                  
 24 มี.ค. 2554, 4:09:05

ธรรมะ คือ ธรรมชาติที่เกิดก่อนธรรมะ ธรรมชาติปฏิบัติ และทำหน้าที่ที่ไม่อาจคาดคะเนได้ เช่นหน้าที่ธรรมะของธรรมชาติอันดับแรกคือโลกต้องหมุน ลมต้องพัด น้ำต้องไหล ไฟต้องติด ฝนต้องตก ฟ้าต้องร้อง ตามเหตุของธรรมชาติมีมากมายตัวเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติคือธรรมมะก็มีหน้าที่ ในอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกายเราก็ทำตามหน้าที่ ตามเหตุของมัน บังคับให้มันไม่ทำไม่ได้เช่นปากฟันก็มีหน้าที่เคี้ยวอาหาร ลิ้นก็มีหน้าที่รับรสอร่อยไม่อร่อย คอก็มีหน้าที่กลืนอาหาร กระเพาะก็
มีหน้าที่ย่อยอาหาร ลำไส้ ก็มีหน้าที่ดูดซึมแร่ธาตุไปเลี้ยงร่างกาย ท้ายที่สุดก้นก็มีหน้าที่ขับกากอาหาร
ออกไป อะไรๆในโลกนี้ก็มีหน้าที่ของมัน ถ้าร่างกายเรามันไม่ทำหน้าที่ เราคงตายอยู่ไม่ได้ แม้แต่ไข่ดาวก็มีหน้าที่สุกหน้าที่ทำให้เราอิ่ม แถมให้โปรตีนคาร์โบไฮเดรต ธาตุเหล็ก ถ้าทิ้งไว้ นานๆหน้าที่อากาศจะทำปฏิกิริยากับหน้าที่แบคที่เรีย และ หน้าที่เชื้อราต่างๆก็มีหน้าที่ทำให้ไข่ดาวเน่าได้ในที่สุด  ของทุกสิ่งทุกๆอย่างได้ทำหน้าที่ของมันอย่างตรงไปตรงมา ไม่อาจบังคับให้คงสภาพได้เพราะมันมีหน้าที่ในตัวเองทั้งสิ้นแล้ว คนเราก็มีหน้าที่ หน้าที่คนเราเพื่อให้ทุกอย่างไม่แปรปรวนประคองอยู่ได้ ก็คือการงาน เพราะ  ฉนั้นงานมันก็คือส่วนหนึ่งของธรรมะ ถ้าเราตั้งใจทำหน้าที่คืองานของเราให้ดีแล้วได้ชื่อว่าทำธรรมะให้ดีไปด้วย เมื่อผลงานออกมาดี เราก็เป็นสุขคนรอบข้าง ก็เป็นสุข ถ้าเราทำงานคือหน้าที่ แล้วเราเป็นทุกข์ คนรอบข้างเป็นทุกข์ นั่นไม่ใช่หน้าที่ของงาน ที่แท้จริงหรือยังไม่อาจเรียกเป็นธรรมะหรือหน้าที่ได้ เราปฏิบัติหน้าที่ได้ดีเท่าไหร่เป็นสุขเท่าไหร่ คนรอบข้างเป็นสุขเท่าไหร่ ก็เทียบได้ว่าเราปฏิบัติธรรมะที่ธรรมชาติให้เรามานั้น ได้ดีเท่านั้น  ลองไม่ทำหน้าที่ซิ ทุกข์ทั้งตัวเราและผู้อื่นทันที
..................................................
ธรรมมะ   คือ ธรรมชาติที่เกิดมานานแล้วก่อนธรรมะ
ธรรมชาติ มีหน้าที่ ทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาไม่มีใครบังคับ ไม่ทำไม่ได้ เกิดทุกข์
หน้าที่   ทำแล้ว เราเป็นสุข คนรอบข้างเป็นสุข เรียกว่าทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว
เมื่อทำหน้าที่แล้วเป็นสุข ใจมันก็สบายคลายทุกข์ร้อน
เมื่อใจสบายคลายทุกข์ร้อน  มันก็สงบร่มเย็น
เมื่อใจมันสงบร่มเย็น  มันก็ถึงนิพพานได้ง่ายๆ


วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ภาพสวยๆและข้อคิดดีดี!!!

                                      !!!ภาพสวยๆและข้อคิดดีดี!!!   

  
 

 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

การให้ 
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
www.dhamma4ever.com

ข้อคิด สะกิดใจ

ข้อคิด สะกิดใจ

-                   ถ้าทำตัวเห็นแก่ได้     อย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง
-                   ลำบากเพราะการงาน     ดีกว่าสำราญแล้วกลุ้ม
-                   หลงทางเหนื่อยกาย     หลงงมงายให้แต่โทษ
-                   ระวังหูของเรา     ดีกว่าเฝ้าปิดปากคนอื่น
-                   ทำดีไม่มีประมาณ     ก่อความรำคาญให้คนอื่น
-                   ยินดีในสิ่งที่ตนได้     พอใจในสิ่งที่ตนมี     เป็นคนโชคดี     
                ที่สุด
-                   ถูกสร้างเป็นกลอง     จึงต้องถูกตี   ถ้าเป็นกลองดี   ยิ่งตียิ่งดัง
-                   ชีวิตที่ยุ่งยาก     เพราะมีความอยากมากเกินไป
-                   เลิกเห็นแก่ตัวเมื่อไร     จะสุขใจเมื่อนั้น
-                   ขับรถซิ่งซิ่งจะวิ่งไปตาย
-                   อยู่นานไปจะไร้ชาติ     ถ้าขาดความสามัคคี
-                   ถ้าทำบาปแลกบุญ     จะขาดทุนเรื่อยไป
-                   ฆ่าสัตว์ได้โทษ     ฆ่าความโกรธได้บุญ
-                   เป็นอยู่อย่างบัณฑิต     จะมีชีวิตอย่างปลอดภัย
-                   อุปสรรคปัญหา     เป็นที่มาของความสำเร็จ
-                   ความกลัวทำให้อ่อนแอ     ความกล้าทำให้บ้าบิ่น
-                   ลืมอะไรก็ลืมได้     แต่อย่าหลงใหลลืมตัว
-                   ถ้าคิดเป็นเจ้าของ     จะได้ครองเพียงบางอย่าง     ถ้าคิดปล่อยวาง     ทุกอย่างเป็นของเรา
-                   ทำความดีแล้วดัง     ดีกว่าถูกชังเพราะทำชั่ว
-                   ทำดีไม่ได้ผล     เพราะทำตนลุ่ม ๆ ดอน ๆ
-                   เจริญมนต์ให้มาก     ถ้าไม่อยากกังวล     หัวใจมีมนต์     ความกังวลไม่มี
-                   ชีวิตคือการต่อสู้     จงเป็นอยู่ด้วยความอดทน
-                   ถ้ารู้จักใช้เวลา     ชีวิตจะมีค่ากว่านี้
-                   คุณค่าของสัตว์อยู่ที่กาย     คุณค่าหญิงชายอยู่ที่ความประพฤติ
-                   คนไม่เคารพกฎหมายเหมือนวัวควายไม่มีคอก
-                   สรรพสิ่งมีชั่วคราว     ความว่างเปล่ามีตลอดกาล
-                   ไม่มีใครโชคดีตลอดไป     ไม่มีใครโชคร้ายตลอดกาล
-                   ถ้ากลัวเกินไปจะทำอะไรไม่สำเร็จ
-                   สังคมเลวเดือดร้อนเรา     เหมือนน้ำเน่าเดือดร้อนปลา
-                   การพัฒนาที่ถูกทาง     คือการเสริมสร้างคนดี
-                   การรู้จักปล่อยวาง     เป็นวิถีทางสงบสุข
-                   ปัญหาเศรษฐกิจและจิตใจ     ต้องแก้ไขพร้อมกัน
-                   ความวิบัติของชาติ     คือผู้มีอำนาจแตกสามัคคี
-                   ความคิดริษยา     เหตุที่มาของการแตกแยก



วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรื่องน่าคิดของไอน์สไตน์


เรื่องน่าคิดของไอน์สไตน์

มีเพื่อนสนิทสองคนที่กำลังเดินทางอยู่กลางทะเลทรายเมื่อเดินทางไประยะหนึ่ง ก็เกิดการโต้เถียงกัน เพื่อนคนหนึ่งโกรธมากถึงกับตบหน้าเพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อนคนที่ถูกตบหน้า ไม่ว่าอะไรสักคำเดียว แต่กลับเขียนข้อความไว้ที่พื้นทรายว่า
"วันนี้เพื่อนรักของฉัน ตบหน้าฉัน" พวกเขาเดินทางกันต่อไป
จนกระทั่งพบแหล่งน้ำกลางทะเลทราย พวกเขาตัดสินใจอาบน้ำที่นั่น

เพื่อนคนที่ถูกตบหน้าก็เกิดจมน้ำ โชคดีที่เพื่อนอีกคนช่วยชีวิตไว้ได้ เมื่อเขาหายตกใจจากการจมน้ำ เขาก็จารึกข้อความไว้ที่ก้อนหินไว้ว่า "วันนี้เพื่อนรักของฉัน ช่วยชีวิตฉันไว้"
เพื่อนคนที่ช่วยชีวิตเขาและตบหน้าเขารู้สึกแปลกใจใน การกระทำของเขา จึงเอ่ยปากถามว่า...

"ตอนที่ฉันทำร้ายเธอ ทำไมเธอเขียนลงบนพื้นทราย แต่ตอนนี้ทำไมเธอสลักลงบนหิน"

เพื่อนอีกคนยิ้มและตอบว่า

"เมื่อเพื่อนทำร้ายเรา เราควรจะเขียนลงบนพื้นทราย เพื่อให้สายลมแห่งการให้อภัยพัดมา และลบมันทิ้งไป แต่เมื่อมีความประทับใจเกิดขึ้น เราควรจะจารึกไว้ใน ศิลาแห่งความทรงจำจากใจ ศิลาแห่งความทรงจำจากใจ ซึ่งสายลมไม่อาจทำให้มันเลือนลางได้"


เรามีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีเข้ามาในชีวิต
สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขได้ คือ ให้จดจำแต่สิ่งดีๆ
และให้อภัยกับสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้น

"เราอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะคิดให้ดีได้" 
                  
                       (คัดลอกมาจากเน็ต ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง)

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข้อคิดคำคม

ข้อคิดคำคม
ความรู้สึกตัว...ที่เกิดขึ้นมาทีละขณะนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับหยดน้ำ
ที่เรากำลังสะสมทีละหยด..ทีละหยด


น้ำหนึ่งหยดนั้น..อาจดูเหมือนทำอะไรไม่ได้มาก
แต่เมื่อจากหนึ่งเป็นสอง..สองเป็นสิบ..สิบเป็นร้อย..มากเข้า ๆ
และเราก็ยังสะสมต่อไปเรื่อย ๆ น้ำหนึ่งหยดก็จะกลายเป็นน้ำหนึ่งถัง
..และเป็นน้ำจำนวนมหาศาลที่สามารถสร้างพลังงาน
สร้างสรรค์ประโยชน์เพิ่มเป็นทวีคูณในไม่ช้า

เช่นกันกับ..ความรู้สึกตัว..ที่เมื่อเราสะสมจนมีความต่อเนื่องมากพอ
ความรู้สึกตัวนี้..ก็จะมีพลังทำให้เราค้นพบชีวิตที่เป็นอิสระ
สามารถอยู่ร่วมกับความรู้สึกต่าง ๆ ได้โดยไม่เจ็บปวด
หรือโดนทำร้ายเหมือนที่เคยเป็น
__________________
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง ๒๐ ชั้นพรหมโลก ๖ ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง ๔ มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณ และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งที่เป็นมิตร และศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนามจงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรซึ่งกัน และกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกัน และกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงโมทนาในส่วนกุศลนี้พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ.กาลบัดนี้ด้วยเทอญ
                                                  โดย J. Sayamol