โดย โอ ระยอง
ธรรมะ คือ ธรรมชาติที่เกิดก่อนธรรมะ ธรรมชาติปฏิบัติ
และทำหน้าที่ที่ไม่อาจคาดคะเนได้
เช่นหน้าที่ธรรมะของธรรมชาติอันดับแรกคือโลกต้องหมุน ลมต้องพัด น้ำต้องไหล
ไฟต้องติด ฝนต้องตก ฟ้าต้องร้อง
ตามเหตุของธรรมชาติมีมากมายตัวเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติคือธรรมมะก็มีหน้าที่ ในอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกายเราก็ทำตามหน้าที่ ตามเหตุของมัน
บังคับให้มันไม่ทำไม่ได้เช่นปากฟันก็มีหน้าที่เคี้ยวอาหาร
ลิ้นก็มีหน้าที่รับรสอร่อยไม่อร่อย คอก็มีหน้าที่กลืนอาหาร กระเพาะก็
มีหน้าที่ย่อยอาหาร ลำไส้ ก็มีหน้าที่ดูดซึมแร่ธาตุไปเลี้ยงร่างกาย ท้ายที่สุดก้นก็มีหน้าที่ขับกากอาหาร
ออกไป อะไรๆในโลกนี้ก็มีหน้าที่ของมัน ถ้าร่างกายเรามันไม่ทำหน้าที่ เราคงตายอยู่ไม่ได้ แม้แต่ไข่ดาวก็มีหน้าที่สุกหน้าที่ทำให้เราอิ่ม แถมให้โปรตีนคาร์โบไฮเดรต ธาตุเหล็ก ถ้าทิ้งไว้ นานๆหน้าที่อากาศจะทำปฏิกิริยากับหน้าที่แบคที่เรีย และ หน้าที่เชื้อราต่างๆก็มีหน้าที่ทำให้ไข่ดาวเน่าได้ในที่สุด ของทุกสิ่งทุกๆอย่างได้ทำหน้าที่ของมันอย่างตรงไปตรงมา ไม่อาจบังคับให้คงสภาพได้เพราะมันมีหน้าที่ในตัวเองทั้งสิ้นแล้ว คนเราก็มีหน้าที่ หน้าที่คนเราเพื่อให้ทุกอย่างไม่แปรปรวนประคองอยู่ได้ ก็คือการงาน เพราะ ฉนั้นงานมันก็คือส่วนหนึ่งของธรรมะ ถ้าเราตั้งใจทำหน้าที่คืองานของเราให้ดีแล้วได้ชื่อว่าทำธรรมะให้ดีไปด้วย เมื่อผลงานออกมาดี เราก็เป็นสุขคนรอบข้าง ก็เป็นสุข ถ้าเราทำงานคือหน้าที่ แล้วเราเป็นทุกข์ คนรอบข้างเป็นทุกข์ นั่นไม่ใช่หน้าที่ของงาน ที่แท้จริงหรือยังไม่อาจเรียกเป็นธรรมะหรือหน้าที่ได้ เราปฏิบัติหน้าที่ได้ดีเท่าไหร่เป็นสุขเท่าไหร่ คนรอบข้างเป็นสุขเท่าไหร่ ก็เทียบได้ว่าเราปฏิบัติธรรมะที่ธรรมชาติให้เรามานั้น ได้ดีเท่านั้น ลองไม่ทำหน้าที่ซิ ทุกข์ทั้งตัวเราและผู้อื่นทันที
มีหน้าที่ย่อยอาหาร ลำไส้ ก็มีหน้าที่ดูดซึมแร่ธาตุไปเลี้ยงร่างกาย ท้ายที่สุดก้นก็มีหน้าที่ขับกากอาหาร
ออกไป อะไรๆในโลกนี้ก็มีหน้าที่ของมัน ถ้าร่างกายเรามันไม่ทำหน้าที่ เราคงตายอยู่ไม่ได้ แม้แต่ไข่ดาวก็มีหน้าที่สุกหน้าที่ทำให้เราอิ่ม แถมให้โปรตีนคาร์โบไฮเดรต ธาตุเหล็ก ถ้าทิ้งไว้ นานๆหน้าที่อากาศจะทำปฏิกิริยากับหน้าที่แบคที่เรีย และ หน้าที่เชื้อราต่างๆก็มีหน้าที่ทำให้ไข่ดาวเน่าได้ในที่สุด ของทุกสิ่งทุกๆอย่างได้ทำหน้าที่ของมันอย่างตรงไปตรงมา ไม่อาจบังคับให้คงสภาพได้เพราะมันมีหน้าที่ในตัวเองทั้งสิ้นแล้ว คนเราก็มีหน้าที่ หน้าที่คนเราเพื่อให้ทุกอย่างไม่แปรปรวนประคองอยู่ได้ ก็คือการงาน เพราะ ฉนั้นงานมันก็คือส่วนหนึ่งของธรรมะ ถ้าเราตั้งใจทำหน้าที่คืองานของเราให้ดีแล้วได้ชื่อว่าทำธรรมะให้ดีไปด้วย เมื่อผลงานออกมาดี เราก็เป็นสุขคนรอบข้าง ก็เป็นสุข ถ้าเราทำงานคือหน้าที่ แล้วเราเป็นทุกข์ คนรอบข้างเป็นทุกข์ นั่นไม่ใช่หน้าที่ของงาน ที่แท้จริงหรือยังไม่อาจเรียกเป็นธรรมะหรือหน้าที่ได้ เราปฏิบัติหน้าที่ได้ดีเท่าไหร่เป็นสุขเท่าไหร่ คนรอบข้างเป็นสุขเท่าไหร่ ก็เทียบได้ว่าเราปฏิบัติธรรมะที่ธรรมชาติให้เรามานั้น ได้ดีเท่านั้น ลองไม่ทำหน้าที่ซิ ทุกข์ทั้งตัวเราและผู้อื่นทันที
..................................................
ธรรมมะ
คือ ธรรมชาติที่เกิดมานานแล้วก่อนธรรมะ
ธรรมชาติ มีหน้าที่
ทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาไม่มีใครบังคับ ไม่ทำไม่ได้ เกิดทุกข์
หน้าที่
ทำแล้ว เราเป็นสุข คนรอบข้างเป็นสุข
เรียกว่าทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว
เมื่อทำหน้าที่แล้วเป็นสุข
ใจมันก็สบายคลายทุกข์ร้อน
เมื่อใจสบายคลายทุกข์ร้อน
มันก็สงบร่มเย็น
เมื่อใจมันสงบร่มเย็น มันก็ถึงนิพพานได้ง่ายๆ